รีวิว ข้อมูลน่ารู้ของน้ำมันปลา Pharma nord Bio-Marine plus

ข้อมูลน่ารู้ของน้ำมันปลา Pharma nord Bio-Marine plus


 วันนี้เราจะเสนอข้อมูลน่ารู้ของน้ำมันปลาที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นที่นิยมและยอมรับในประสิทธิผลและการให้คุณประโยชน์ ที่เป็นตัวแรกๆและหลักๆที่วงการแพทย์ในโรงพยาบาล ตามร้านขายยา และคลีนิคสุขภาพให้การยอมรับและเลือกใช้ให้ผู้ป่วยทานควบคู่ยาโรคประจำตัว หรือทานเสริมป้องกันจากการที่ได้รับในสารอาหารไม่ครบ ในท้องตลาดมีหลายยี่ห้อหลายแบรนด์มากมายนับไม่ถ้วน แต่วันนี้มีตัวไหนเด็ดและดีที่เราหยิบยกมานั้นมีตัวไหน ตามไปดูกันเลย

คือ Bio-Marine plus
จากแบรนด์ ฟาร์มานอร์ต(Pharma nord)
ใน1เม็ดประกอบไปด้วย สารสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก500mg
Free fatty acid content(95%) Total Omega-3 tatty acid(70%)
-EPA. (35%)
Vitamin b12. 1Iu
Vitamin E.      1Iu/g
DHA(25%).        119mg.
Folic acid.     100Iu
ดูจากสูตรแล้วบอกเลยใม่ธรรมดา ซึ่งบอกเลยในปริมาณ500มิลลิกรัม คือให้สูงมาก เราตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันเลย
 


ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเกรดยา ได้รับมาตรฐานเกรดสูงคือpharmaceutical Grade
ซึ่งมีไม่กี่แบรนด์ในประเทศไทย
 
คุณประโยชน์ที่ได้รับคือ
-ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์(triglycerides )และแอลดีแอลในเลือด(Low Density lipoprotein;LDL)
-ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่นความดันโลหิตสูง
-ช่วยลดการอักเสบ ปวด บวม ของโรคข้ออักเสบรูมะตอยด์ รวมถึงอาการอักเสบอื่นๆในร่างกาย เช่น ทางเดินอาหาร ผิวหนังอักเสบ และปวดรอบเดือน
-บำรุงสมอง และเสริมสร้าง เส้นใยในประสาท 
แล้วไครกันบ้างที่ควรทานและได้รับอย่างเพียงพอ
-คนที่มีภาวะไตรกลีเซอไรด์ และแอลดีแอลในเลือดสูง
-คนที่มีภาวะเสี่ยงหรือมีโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่นความดันโลหิตสูง
-คนที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือมีอาการอักเสบอื่นๆในร่างกาย เช่นทางเดินอาหาร ผิวหนัง และปวดรอบเดือน
-คนท้องในช่วง4-7เดือน เด็กตั้งแต่7ขบขึ้นไป หรือคนที่ต้องการบำรุงสมอง รวมไปถึงผู้ป่วยอัลไซเมอร์
 

ขนาดรับประทานที่แนะนำ
-บำรุงทั่วไป 500-1000 mg./วันหรือประมาณ1-2เม็ดหลังอาหาร
-ลดภาวะไขมันในเลือดสูง 1,000-2,000mg./วัน หรือ2-4เม็ด
-สามารถทานได้ตลอดโดยไม่ต้องหยุดเพราะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ 

แล้วถ้าเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นตามท้องตลาด เราจะเลือกทานตัวไหนที่ไม่ต้องมีของแถม ของแถมที่ว่าไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนหมายปารถนาอยากใด้ เพราะที่พูดถึงคือ พวกตะกั่ว แคชเมี่ยม โลหะหนัก ที่มาจากเรือประมงซึ่งเจือปนมากับอาหารของปลาทะเลอีกที



โดยทั่วไปน้ำมันปลาที่มีในเมืองไทยจะมี3ฟอร์ม ซึ่งก็ต่างเกรด การดูดซึม รวมไปถึงความปลอดภัย
-ไตรกลีเซอไรด์ ฟอร์ม ซึ่งจะเป็นเกรดที่เห็นทั่วไปในท้องตลาดถึง90%การดูดซึมและความปลอดภัยก็จะลดหลั่นลงไปตามปริมาณและราคา เพราะฟอร์มนี้ราคาต้นทุนค่อนข้างถูกและหาง่าย
-ต่อมาคือเอสเทอร์ ฟอร์ม ถือว่าเป็นเกรดที่ดีเรื่องการดูดซึมและประสิทธิภาพการคงตัวในกระแสเลือดได้นาน ดูดซึมได้ประมาณ70% ซึ่งฟอร์มนี้มีไม่มาก เท่าที่เห็นจะมีเพียงยี่ห้อที่เป็นยารักษาโรคที่ขึ้นต้นด้วยตัวOเท่านั้น


ฟอร์มสุดท้ายคือ Free fatty acid คือฟอร์มที่เรายกมา คืออยากจะบอกว่าเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดในเมืองไทย และมีฟอร์มเดียว ที่ดูดซึมได้ถึง90%ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานด้านด้านดูดซึมมารองรับจากยุโรป ผ่านการตรวจสอบปรอท โลหะหนัก และไม่มีน้ำมันส่วนเกินที่เป็นส่วนเกิน

ที่ร่างกายต้องการ และดูดซึมและคงตัวในกระแสเลือดได้นาน

ข้อควรระวังที่ควรรู้
-สตรีมีครรภ์ ควรให้ระยะตั้งท้อง4-7เดือน เพื่อลดภาวะการตกเลือดเวลาคลอด
-คนที่มีภาวะเลือดแข็งตัวช้าไม่ควรรับประทาน
-คนที่มีภาวะเลือดออกเป็นจ้ำใต้ผิวหนัง ควรหยุดรับปรึ
-คนที่เป็นโรคลมชัก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
ซึ่งข้อห้ามที่กล่าวมาอาจไม่ได้ส่งผลโดยตรงแต่อาจมีผลนิดหน่อยในคนที่มีปัญหาซึ่งสาเหตุหลักแต่ละคนแตกต่างกันไป

ข้อเปรียบเทียบที่บอกเลยว่าชนะเลิศกว่าที่มีในท้องตลาด
-ใน500มิลลิกรัม มีโอเมก้า3มากกว่ายี่ห้ออื่นในท้องตลาด
-อยู่ในรูปที่ดูดซึมได้มากกว่า90%
-ลดการปวดรอบเดือนได้
-บรรจุในบลิสเตอร์แพ็ค ป้องกันการเสื่อมสภาพได้อยาสมบูรณ์แบบ และสะดวกต่อการพกพา
-ผ่านมาตรฐานGMPของยุโรป(ได้รับการยอมรับสูงสุดในวงการแพทย์ทั่วโลก)
-เม็ดเล็ก ทานง่ายและได้จากปลาทะเลน้ำลึก
จากข้อมูลทั้งหมดท่านคงทราบแล้วว่าน้ำมันปลาไม่เหมือนกันทุกตัว และมิลลิกรัมที่บอกข้างขวดในหลายบริษัทตามท้องตลาด ให้เท่ากันหรือมากกว่ากัน แต่การนำไปใช้จริงนั้นต่างหาก ว่าคุณจะเลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเราเอง โดยไม่มีของแถมมาโดยไม่พึงประสงค์

 
สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ WWW.365WECARE.COM #365wecare

สนใจสั่งซื้อสินค้า....https://goo.gl/KVwxEy
 

Line : 365wecare , @365wecare

Tel.091-7041414
 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม